การวางแผนรายได้ |
|
 |
การที่จะเริ่มต้นกวางแผนการเงิน เพื่อให้ไปถึงจุดหมาย หรือเป้าหมายในอนาคตได้นั้น สิ่งที่จะขาดไม่ได้เลยก็คือเรื่องของ "รายได้" เพราะถ้าไม่มีรายได้เข้ามา เราก็ไม่รู้ว่าจะเอาอะไรไปวางแผน ดังนั้นก่อนที่จะเริ่มต้นทำอะไร เราต้องมาทราบก่อนว่า รายได้ที่เรามีอยู่นั้นในปัจจุบันเป็นอย่างไร และมีแนวโน้มอย่างไรในอนาคตบ้าง เพื่อที่จะได้นำมาวางแผนจัดการ ให้สามารถมีรายได้ไปตลอดเส้นทางของชีวิต |
 |
ปัจจุบันนี้รายได้ที่เราได้มาสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท คือ
- รายได้จากคนทำงาน (Active Incomes)
- รายได้จากทรัพย์สิน หรือระบบทำงาน (Passive Incomes)
|
 |
Active income เป็นรายได้ที่ได้มาจากการทำงานของเรา หรือเรียกอีกอย่างว่า "รายได้เพื่อชีวิต" กล่าวคือต้องทำงานไปตลอดชีวิต เพื่อที่จะแลกกับรายได้ประเภทนี้ ซึ่งรายได้ประเภทนี้เป็นรายได้ของคนส่วนใหญ่ในสังคมปัจจุบันด้วย ไม่ว่าจะเป็นพนักงาน ลูกจ้าง เจ้าของธุรกิจขนาดเล็กถึงกลาง ข้าราชการ เป็นต้น ซึ่งจะได้รับรายได้ก็ต่อเมื่อยังสามารทำงานให้กับนายจ้าง หรือได้กำไรจากการค้าขายเท่านั้น หากเราไม่สามารถทำการค้าขายได้ หรือไม่สามารถทำงานให้กับนายจ้าง หรือผู้ว่าจ้างได้แล้ว รายได้ประเภทนี้ก็จะไม่เกิดขึ้น
แต่หลายคนก็ยังพอใจหรือชอบรายได้ประเภทนี้อยู่ อาจเพราะเห็นว่าเป็นรายได้ที่ได้มาเร็ว และแน่นอน แต่ลืมคิดไปว่ารายได้ที่แน่นอนและได้มาเร็วนี้ จะได้ก็ต่อเมื่อเราสามารถทำงานได้เท่านั้น และบางครั้งการที่จะทำให้รายได้ประเภทนี้เพิ่มขึ้น เพื่อให้เพียงพอต่อภาระที่เพิ่มอย่างรวดเร็วนี้ ก็ต้องมีการเพิ่มเวลาในการทำงาน แต่ถึงจะเพิ่มอย่างไรก็ไม่สามารถทำได้เกิน 24 ชั่วโมงต่อวันแน่นอน
ซึ่งรายได้ประเภทนี้มีรูปแบบของรายได้ย่อยๆอีก4 แบบ คือ |
 |
รายได้แบบนี้เป็นรายได้ที่ไม่แน่นอน จะได้เป็นครั้งๆ และจะมีรายได้ก็ต่อเมื่อได้ทำงานนั้นๆ เมื่อทำเสร็จแล้ว จึงรับรายได้นั้นไป ถ้าทำงานได้มาก ก็มีรายได้มาก ทำงานได้น้อย รายได้ก็จะน้อยตามไปด้วย เมื่อเสร็จงานหนึ่งแล้ว ก็ต้องหางานใหม่ต่อไปเรื่อยๆ หากมีงานใหม่เข้ามา ก็จะมีรายได้ต่อไป แต่ถ้าหากหยุดทำงาน หรือไม่มีงานใหม่เข้ามา รายได้นั้นก็จะหายไป รวมถึงการเสียชีวิตด้วย งานดังกล่าว เช่น การับจ้างทั่วไป การรับเหมางานต่างๆ |
 |
รายได้แบบนี้จะเป็นรายได้ที่จะได้รับแบบเท่ากันตลอดทั้งปี หรือระยะเวลาหนึ่งถึงมีการปรับขึ้นครั้งหนึ่ง ซึ่งจะมาหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับนายจ้าง เราไม่สามารถจะเป็นผู้กำหนดได้ ถึงแม้ว่าเราจะขยันเท่าไหร่ก็ตาม รายได้แบบนี้ เป็นรายได้ของคนส่วนใหญ่ในสังคม เนื่องจากเป็นรายได้ที่ได้อย่างสม่ำเสมอ (ถ้ายังสามารถทำงานได้) ไม่จำเป็นต้องดิ้นรนแต่อย่างไร แต่อย่างไรก็ตาม รายได้แบบนี้มีอายุที่จำกัดที่ไม่เกิน 60 หรือ 65 ปีเท่านั้น เช่น ผู้ที่ทำงานเป็นลูกจ้างบริษัท ข้าราชการ หรืออาชีพที่มีเงินเดือนประจำนั่นเอง |
 |
รายได้แบบนี้ จะเป็นรายได้ที่สูงถึงสูงมากในช่วงแรกๆ แต่จะค่อยๆลดลงไปเรื่อยๆ เนื่องจากความนิยม หรืออุปสรรค์ในด้านสุขภาพร่างกาย หากไม่มีแหล่งรายได้สำรอง อาจมีปัญหาในเรื่องรายได้ในอนาคต เช่น อาชีพศิลปิน นักร้อง นักแสดง ดารา เจ้าของกิจการตามกระแสนิยม เพราะเมื่อกระแสนิยมลดลง หรือมีคู่แข่งหน้าใหม่เข้ามาเรื่อยๆ หรือแม้กระทั่งอาชีพนักกีฬา ที่จำเป็นต้องใช้ความสามารถทางด้านร่างกายในการประกอบอาชีพ ซึ่งสมรรถภาพทางท่างกายก็ย่อมต้องเสื่อมไปตามกาลเวลา ก็จะทำให้รายได้ในส่วนนี้ลดลงไปเรื่อยๆได้เช่นกัน |
 |
รายได้แบบนี้มักจะไม่แน่นอน มีขึ้นๆ ลงๆตามช่วงเวลา หรือฤดูกาล เช่นเกษตรกร ที่จะมีรายได้ในช่วงที่มีผลผลิต และจะลดลงในช่วงที่ไม่มีผลผลิต หรือเจ้าของที่พักตามแหล่งท่องเที่ยงต่างๆ ที่จะมีรายได้ที่ดีมากในช่วง Height Season และรายได้จะลงลงในช่วง Low Season หรือแม้แต่เจ้าของธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับฤดูกาลต่าง เข่น ร้านขายเครื่องกันหนาว หรือเครื่องปรับอากาศ ก็จะได้รับผลกระทบในช่วงฤดูร้อนเช่นกัน ดังนั้นผู้ที่มีรายได้แบบนี้จึงจำเป็นต้องต้องบริหารรายจ่ายให้ดี เพื่อให้มีใช้จ่ายจนถึงช่วงที่มีรายได้กลับเข้ามา |
|
|
 |
Passive income เป็นรายได้ที่เกิดขึ้นตลอด แม้เราจะไม่ได้ทำงานก็ตาม หรือทำงานหนักเพียงครั้งเดียว แล้วเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากการทำงานหนักนั้นได้ตลอด ไม่ว่าจะเกิดขึ้นจากทรัพย์สิน การสร้างระบบการทำงานก็ตาม หรือการใช้เงินทำงานผ่านการลงทุน เช่น การซื้ออสังหาริมทรัพย์แล้วปล่อยเช่า เพื่อให้มีรายได้จากค่าเช่าเป็น Passive Income ในทุกๆเดือน เพราะถึงแม้เราจะไม่ได้ทำงานเราก็สามารถอยู่ได้ หรือการลงทุนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนทางตรง เช่น ลงทุนในหุ้นรายตัวแบบ Value Investment หรือลงทุนแบบเน้นคุณค่าในตัวหุ้น การลงทุนในหุ้นที่มีการจ่ายเงินปันผลอย่างสม่ำเสมอ หรือลงทุนทางอ้อม คือการลงทุนในกองทุนรวม แล้วให้บริษัทจัดการเป็นผู้บริหารให้ หรือแม้กระทั้งการเปิดตู้เติิมเงินอัตโนมัติ ตู้น้ำหรือเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญ ก็เป็นอีกรูปแบบในการหารายได้หรือรายรับแบบ Passive Income เช่นกัน
|
 |
รายได้แบบ Passive Income นี้มักเริ่มจากน้อยๆก่อน แล้วจึงมากขึ้นตามลำดับ ช่วงแรกอาจจะต้องยอมทำงานอย่างหนัก เพื่อแลกมากับรายได้ที่จะนำมาสร้างทรัพย์สินหรือนำมาลงทุน เพื่อให้เกิดแหล่ง Passive Income ขึ้นมา และเมื่อเริ่มมีรายได้มากขึ้นก็นำกลับไปต่อยอดในทรัพย์สิน หรือการลงทุน ต่อไปเรื่อยๆ จนรายได้ที่ได้มาจากทรัพย์สินหรือการลงทุนนั้น เพียงพอต่อการใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน และสามารถสร้างผลประโยชน์ต่อไปได้ด้วยตัวของทรัพย์สินนั้นแล้ว เมื่อนั้นเราจะเริ่มมีอิสรภาพทางการเงินที่แท้จริง และที่สำคัญ รายได้แบบ Passive Income นี้ไม่มีเพดานรายได้ที่จำกัด โดยสามารถเติบโตไปได้ตลอด และสามารถส่งต่อรายได้แบบนี้ให้กับคนรุ่นหลังๆได้ด้วย |
|
|
 |
การที่เราจะมีรายได้แบบ Passive Income ได้นั้น สิ่งแรกที่เราทุกคนควรทำ คือ การที่มีความต้องการที่จะสร้าง Passive Income อย่างแท้จริง เนื่องจากการสร้าง Passive Income นี้ จำเป็นต้องทำงานอย่างหนักในช่วงแรก และยังต้องอาศัยการบริหารจัดการรายจ่ายและการออมที่ดีด้วย อีกทั้งยังต้องอาศัยระยะเวลา กว่าที่การลงทุนนั้นจะเห็นผล กำลังใจและความตั้งใจ จึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างมากที่จำเป็นต้องมี
ขั้นตอนการสร้าง Passive Income จาก Active Income |
-
ในช่วงแรกนี้ เราจำเป็นที่จะต้องให้ความสำคัญกับงานประจำที่ให้รายได้แบบ Active Income ก่อน เนื่องจากรายได้ประเภทนี้ เป็นรายได้ที่จำเป็นต้องนำมาใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ดังนั้นเราอาจต้องเพิ่มเวลาหรือศักยภาพในการทำงานของเรา เพื่อให้มีรายได้ในแบบนี้เพิ่มขึ้น หลังจากนั้นจึงนำรายได้ที่เพิ่มขึ้นนั้นมาสร้างสินทรัพย์หรือนำไปลงทุน เพื่อให้เกิด Passive Income ในอนาคต หรือหากไม่สามารถหารายได้เพิ่มจากงานประจำได้ เราอาจหารายได้จากอาชีพเสริมอีกทางหนึ่ง เพื่อนำมาลงทุนโดย เพื่อให้ไม่ต้องไปกระทบกับรายได้ประจำ
-
นำรายได้ที่ได้จาก Active Income ไม่ว่าจะได้จากงานประจำ หรืออาชีพเสริมก็ตาม มาบริหารจัดการ โดยการแบ่งสัดส่วนรายได้ออกเป็น
-
นำเงินในส่วนของการออมเพื่อการลงทุน ไปลงทุนในสินทรัพย์หรือการลงทุนต่างๆ เพื่อสร้างรายได้เพิ่มอีกช่องทางหนึ่ง นั่นคือ Passive Income นั่นเอง ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนในหุ้น (แบบเน้นคุณค่า) กองทุนรวม อสังหาริมทรัพย์ หรือแม้แต่การทำธุรกิจที่ให้ผลแบบ Passive ก็ตาม
-
เมื่อได้รายได้จากสินทรัพย์หรือจากการลงทุนแล้ว ควรนำรายได้ที่ได้มากลับเข้าไปสร้างทรัพย์สินหรือลงทุนต่อ หรือที่เราเรียกกันว่า "เงินต่อเงิน" ไม่ควรนำกลับมาเป็นค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันอีก เพื่อที่ว่าทรัพย์สินหรือการลงทุนนั้นๆจะได้เติบโตและสร้างผลตอบแทนแบบ Passive Income ตามแบบที่เราตั้งใจไว้
|
และเมื่อไหร่ก็ตาม ที่รายได้แบบ Passive Income นั้นกว่าแบบ Active Income หรือมากพอที่จะรองรับค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันได้โดยไม่จำเป็นต้องมีรายได้แบบ Active Income แล้ว เมื่อนั้นเราจึงจะมีอิสรภาพทางการเงินอย่างแท้จริง
แต่อย่างไรก็ตามขอย้ำว่า Passive Income นี้คือ การสร้างรายได้จากทรัพย์สินหรือการลงทุน คือการใช้เงินทำงาน โดยที่เราไม่จำเป็นต้องทำงานด้วยเวลาและความสามารถของตนเองแล้ว หลายๆคนอาจจะคิดว่าการที่ได้ออกมาทำธุรกิจของตัวเอง หรือแม้แต่การลงทุนโดยการเล่นหุ้นแบบเก็งกำไรนั้น คือ Passive Income แต่จริงๆแล้ว เราก็ยังคงต้องใช้ความรู้ความสามารถ เละเวลาของเราในการหารายได้ จึงเป็นรายได้แบบ Active Income อยู่ดี |
|